การเพิ่มมูลค่าให้กับอ้อย
อ้อยเป็นพืชที่สร้างมูลค่าให้แก่ประเทศไทยปีละ 8 หมื่นล้านบาท ทำให้ไทยเป็นผู้ส่งออกผลผลิตจากอ้อยและน้ำตาลเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ที่สำคัญอ้อยเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่อยู่ในงานวิจัย มุ่งเป้าของเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คบอช.) ซึ่งนักวิจัยไทยต้องค้นคว้างานวิจัย การเพิ่มมูลค่าจากของเหลือทิ้งทางการเกษตร เพื่อก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ ดร.กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนวัตกรรมนาโนเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตร . และทีมวิจัย ได้ใช้เวลาเพียง 1 ปี ในการศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีการผลิตไขอ้อยจาก “กากหม้อกรอง” วัสดุเหลือทิ้งในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันมีแค่การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นปุ๋ยหรือถมที่ดินโดยเกษตรกรเท่านั้น แต่ “ทีมวิจัยนาโนเทค” ยังได้พยายามคิดค้นและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าค้นพบสารที่มีคุณประโยชน์จาก “กากหม้อกรอง” นั่นคือ “ไขอ้อย” และนำไปต่อยอดในอุตสาหกรรมเวชสำอาง และอาหารเสริมที่มีมูลค่าสูงมาก ซึ่งในขั้นตอนแรกทีมวิจัยได้นำมาสกัดแวกซ์ หรือที่เรียกว่าไขอ้อย และนำไปเพิ่มมูลค่า โดยพัฒนาเป็นวัสดุห่อหุ้มสารสำคัญ เช่น วิตามินอี สารแอนติออกซิแดนต์ (Antioxidant) ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง นอกจากนั้นแล้วยังพบว่าไขอ้อยยังมีสารโพลิโคซานอล (Policosanal) ที่สามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ โดยการค้นคว้าวิจัยครั้งนี้ ทีมวิจัยเตรียมต่อยอดผลิต “โพลิโคซานอล” ชนิดแคปซูลพร้อมรับประทาน เพื่อลดการนำเข้าสารโพลิโคซานอลจากต่างประเทศ ซึ่งราคาสูงถึง 2 หมื่นบาท/กิโลกรัมเลยทีเดียว ทั้งนี้ สิ่งที่ทีมวิจัยสามารถทำได้แล้วในขณะนี้ คือ การสกัดไขอ้อยและนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเวชสำอาง ซึ่งไขอ้อยที่สกัดได้เป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอางทุกประเภท มีความต้องการในตลาดสูงมาก เนื่องจากไขอ้อยจะเป็นวัสดุห่อหุ้มสารสำคัญในเครื่องสำอาง เสมือนเป็นยานพาหนะขนาดจิ๋วที่จะนำพาสารสำคัญ ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดร.อภิรดา สุคนธ์พันธุ์ รักษาการหัวหน้าห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอาง ศูนย์นาโนเทคฯ เป็นอีกหนึ่งทีมวิจัยที่นำ “ไขอ้อย” ไปต่อยอดใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ต้นแบบเครื่องสำอาง 2 ชนิด ได้แก่ ลิปสติกบำรุงริมฝีปาก และโลชั่นบำรุงเล็บ ซึ่งจุดเด่นของไขอ้อย เมื่อนำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องสำอางนั้น มีคุณประโยชน์และใช้ได้ดีมาก เนื่องจากเล็งเห็นว่าริมฝีปากของคนเราเป็นส่วนที่บอบบาง และมักพบว่ามีปากแห้งปากลอกได้ง่าย จึงพัฒนาลิปสติกบำรุงริมฝีปากที่ใช้เทคโนโลยีการพัฒนาอนุภาคสตรักเจอร์นาโน ลิปิดแคร์ริเออร์ หรือเอ็นแอลซี (NLC) ซึ่งบรรจุวิตามินอีไว้เป็นส่วนประกอบสำคัญในสูตร และพบว่าสูตรลิปสติกจากไขอ้อยมีการกระจายตัวบนผิวได้ดี และมีเนื้อลิปสติกนุ่มกว่าสูตรไขปาล์มคานูบาอีกด้วย สำหรับโลชั่นบำรุงเล็บก็เป็นกระแสที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเช่นกัน “ไขอ้อย” ที่ผ่านการสกัดแล้ว สามารถใช้เพื่อบำรุงเล็บให้เงางามและบำรุงจมูกเล็บ (ผิวหนังอยู่ด้านข้างเล็บ) ให้นุ่มและชุ่มชื้นสุขภาพดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่มาของข้อมูล : งานประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนัก ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) โทรศัพท์ 0 2564 7100 โทรสาร 0 2564 6985 Email : E–Mail: pr@nanotec.or.th
เผยแพร่ข้อมูลโดย : นางสาวนีรนุช ตามศักดิ์ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สป.วท. โทรศัพท์ 02-333-3732
https://www.mhesi.go.th/main/th/165-knowledge/practical-rad/4022-2014-10-31-06-42-11
ฝากสนับสนุน สินค้าไทยดีดีอีกหนึ่งชิ้นนะคะ
website: https://www.raimaijon.com/
Facebook: https://www.facebook.com/sugarcane.raimaijon,
Instagrams: https://www.instagram.com/canejuice_by_rmj,
Line: https://lin.ee/oRSHzQ1,
หาซื้อและดูสาขาได้ที่ http://bit.ly/2FKVLU0